หัวตัดแก๊ส การตัดโลหะ ด้วยแก๊สออกซิเจนถือเป็นความรู้ใหม่ สำหรับใครหลายคน เพราะมีความน่าสนใจอย่างมาก ซึ่งโดยปกติการตัดโลหะโดยทั่วไป จะนำวัสดุที่ใช้ตัด โดยเฉพาะซึ่งมีความแข็งแรงสูง แต่การตัดเหล็กด้วยการใช้แก๊สออกซิเจนในการตัดนั้น ถือว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ มาดูกันว่าการตัดเหล็กโดยวิธีนี้ มีหลักการทำงานอย่างไร
ชุดตัดแก๊ส คือ
ชุดตัดแก๊ส รูปแบบยอดนิยม เป็นชุดตัดแก๊ส ที่ถูกออกแบบมาอย่างทันสมัย มีการควบคุมคุณภาพการผลิตทุกขั้นตอน จึงมั่นใจได้ว่า ชุดตัดแก๊ส เป็นด้ามตัดแก๊สที่มีคุณภาพสูง ทนต่องานหนักได้ดี สามารถตัดเหล็กได้หนาถึง 300 มิลลิเมตร ใช้งานง่าย มีขนาดกะทัดรัด จับถนัดมือ และยังเปลี่ยนอะไหล่ภายในชุดตัดแก๊สได้สะดวก เมื่อเกิดชำรุด นอกจากนี้ชุดตัดแก๊สเบิร์ก ยังใช้ได้ทั้งแก๊สแอลพีจี และแก๊สอะเซทิลีน เพียงแค่เปลี่ยนหัวตัดแก๊สเท่านั้น
ชุดตัดแก๊ส ปลายหัวตัดทำมุม 90 องศา วาล์วปรับเป็นทองเหลืองหัวตัดทำมุม : 90 องศา ความยาว : 460 มม.ใช้ได้ทั้งแก๊ส แอลพีจี และ แก๊ส ออกซิเจน สามารถตัดเหล็กหนาถึง 300 มิลลิเมตร มีขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวกต่อการเคลื่อนย้าย มาพร้อมอุปกรณ์ครบชุดพร้อมใช้งาน คุ้มค่า คุ้มราคา เหมาะสำหรับช่างมืออาชีพ
ส่วนประกอบของหัวตัดแก๊ส
อุปกรณ์การตัดแก๊ส ชนิดตัดด้วยมือ ประกอบด้วยอุปกรณ์หลัก ๆ ดังนี้
- หัวตัด
- ปลายหัวตัด (Cutting Tips) เพื่อตัดวัสดุที่ความหนาต่าง ๆ กัน
- ท่อแก๊สและเชื้อเพลิง
- ตัวควบคุมความดัน
- ถังแก๊สและถังเชื่อม
- อุปกรณ์ความปลอดภัย เช่น แว่นตา ถุงมือ เสื้อผ้ากันความร้อน
- คู่มือการใช้งานจากผู้ผลิต
หัวตัดแก๊สมีหน้าที่ดังนี้
- ควบคุมอัตราการไหลและส่วนผสมของเชื้อเพลิงและออกซิเจน
- ควบคุมอัตราการไหลของออกซิเจน
- จ่ายแก๊สผ่านปลายหัวตัดให้เพียงพอต่อการ Preheat และการตัด ซึ่งการควบคุมจะทำโดยผู้ใช้งานและการออกแบบหัวตัดและปลายหัวตัด โดยหัวตัดแก๊สจะมีหลายขนาดขึ้นอยู่กับความหนาของชิ้นงานที่ต้องการตัด ส่วนปลายหัวตัดจะขึ้นกับชนิดของเชื้อเพลิงที่ใช้ และประเภทของงานที่จะตัด
หัวตัดแก๊สมี 2 ประเภท
- Mixing type ออกซิเจนและเชื้อเพลิงสำหรับการ Preheat จะได้รับการผสมกันที่ภายในปลายหัวตัด (Tip)
- Premix Type ส่วนผสมจะได้รับการผสมกับภายในหัวตัดซึ่งแยกเป็น 2 ประเภท คือ
2.1 Positive จะใช้กับแก๊สที่มีแรงดันสูงที่สามารถส่งเข้าสู่หัวตัดได้เอง
2.2 Low Pressure Type หรือ Injector Type ใช้กับแก๊สที่มีแรงดันต่ำกว่า 2 Psig เช่น แก๊สธรรมชาติ โดยแก๊สจะถูกดึงผ่านคอคอด (Ventury)
หลักการทำงาน
OFC จะใช้หัวตัดที่มีลักษณะเป็นคอขวด โดยหัวตัดนั้นจะทำหน้าที่ให้ความร้อนเพื่ออุ่นชิ้นงาน โดยการใช้เปลวไฟจากส่วนผสมของแก๊สเชื้อเพลิงและออกซิเจน จนทำให้วัสดุที่กำลังตัดอยู่นั้นเกิดการหลอมเหลว แล้วจึงทำการเป่าวัสดุที่หลอมเหลวออกไป
Kerf ในกระบวนการ OC ขนาดความกว้างของส่วนของเนื้อโลหะที่ถูกตัดออกไป จะถูกเรียกว่า Kerf ซึ่งใช้เป็นตัวระบุคุณภาพของการตัดซึ่งจะประกอบไปด้วยขนาด และความคมของขอบที่ถูกตัด ซึ่งขบวนการของ OFC ความกว้างของ Kerf จะขึ้นอยู่กับขนาดของออกซิเจน ชนิดปลายหัวตัดที่ใช้ ความเร็วในการตัด อัตราการไหลของออกซิเจน และชนิดของแก๊สเชื้อเพลิงที่ใช้สำหรับชิ้นงานที่มีความหนาเพิ่มมากขึ้น ก็จำเป็นต้องใช้การไหลของออกซิเจนเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน และต้องใช้ปลายหัวตัดที่ใหญ่ขึ้น เพื่อทำให้สามารถรับอัตราการไหลที่เพิ่มมากขึ้นได้ จึงส่งผลทำให้ความกว้างของ Kerf เพิ่มมากขึ้นตาม โดยค่าความกว้างของ Kerf เป็นค่าที่ต้องระบุในแบบต่าง ๆ ซึ่งโดยปกติแล้ว สำหรับที่มีความหนามากถึง 50 m ต้องให้เพิ่มขึ้นได้ (+0.4 mm)
Drag ในการปรับหัวพารามิเตอร์ที่หัวตัด จนกระทั่งลำของออกซิเจน เริ่มทะลุจากด้านบนจนออกที่ด้านล่างของ Kerf จะเรียกตำแหน่งดังกล่าวว่า Zero Drag ซึ่งตำแหน่งนี้จะเริ่มทำการเคลื่อนหัวตัดเพื่อทำการตัดโลหะ ซึ่งหากทำการเพิ่มความเร็วในการตัดหรือลดอัตราการไหลของออกซิเจน จะทำให้ปริมาณของออกซิเจนที่เข้าไปทำปฏิกิริยาในบริเวณดังกล่าวลดลง จึงทำให้พื้นที่ด้านล่างของแผ่นโลหะขาดช้ากว่าด้านบน อันเกิดจากปฏิกิริยาในบริเวณดังกล่าวมีค่าต่ำ ดังนั้นจะทำให้เห็นลำของออกซิเจนที่ทะลุออกมาด้านล่าง อยู่ในแนวเยื้องกับด้านบน หรือเกิดตามหลังในทิศทางของการตัด ซึ่งจะเรียกระยะเยื้องดังกล่าวว่า Drag ในรูปเปอร์เซ็นต์ของความหนาของชิ้นงานที่ถูกตัด เช่น Drag 10% หมายถึงแนวตัดชิ้นงานที่สมบูรณ์ที่ด้านล่างมีระยะห่างจากด้านบนตามแนวทิศทางการตัด 10% ของขนาดความหนาของชิ้นงาน
การบำรุงรักษาและข้อควรระวัง
- ตรวจระดับและความชื้นของน้ำมันหล่อเย็นในหม้อแปลง
- ตรวจดูเศษฝุ่น ผงละอองโลหะต่าง ๆ
- ทำความสะอาดอุปกรณ์เครื่องมืออยู่เสมอ ไม่ดัดแปลงสภาพของตัวเครื่องหรือชุดอุปกรณ์สายเชื่อม-สายดิน
- การอุดตันตรงปาก Nozzle ที่เกิดจากสะเก็ดไฟจะทำให้เกิดไฟย้อนได้ เพราะ ฉะนั้นเพื่อความปลอดภัย ให้ใส่อุปกรณ์ป้องกันไฟย้อนที่ด้ามชุดตัดแก๊ส เกจ์ลม เกจ์แก๊สด้วย
- เมื่อใช้งานเสร็จแล้ว ควรเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
- ควรเลือกใช้ชุดตัดแก๊สให้เหมาะสมกับการใช้งาน
- หลังจากการใช้งานให้รอจนกว่าชุดตัดแก๊สจะเย็นขึ้น แล้วจึงเก็บใส่กล่อง และเลี่ยงการกระแทกและโยน